ข้อควรรู้ในการเลือกซื้อ เครื่องสูบน้ำ ปั๊มน้ำ แบบง่ายๆ
เครื่องสูบน้ำ มักจะเป็นปัญหาให้กับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อเอามาใช้งาน ไม่ว่าเพื่อนำมาใช้ในรูปแบบใดก็ตาม ถ้าเลือกที่ให้น้ำมากไปก็เสียเงินเกินความจำเป็น ตัวที่ให้น้ำน้อยไปก็เสียเงินซื้อเครื่องใหม่ ทำให้ต้องเสียทรัพย์เพิ่มโดยไม่มีความจำเป็น เครื่องสูบน้ำที่ใช้ทั่วไป ชลประทาน การเกษตร ใช้ตามบ้านเรือน นิยมใช้ มี 2 ชนิด คือ
1. เครื่องสูบน้ำชนิดที่วางจุ่มหรือแช่ในน้ำ เรียกว่า SUBMERSIBLE PUMP หรือเรียกกันทั่วไปว่า ปั๊มจุ่มหรือปั๊มไดรโว่
2. เครื่องสูบที่วางบนบก เรียกว่า CENTRIFUGAL PUMP เรียกกันว่า ปั๊มหอยโข่ง
เครื่องสูบน้ำ ทั้งสองชนิดที่ว่ามานี้มีหลักการเลือกใช้เหมือนกัน จะพิจารณาจากอัตราการไหล ซึ่งบอกปริมาณน้ำ(Quantity – Q) ต่อหน่วยเวลาและแรงดันหรือแรงส่งน้ำ (Head – H) จะบอกความสูงเป็นเมตร ทั้ง Qและ H จะเป็นตัวกำหนดกำลัง(แรง)ของเครื่องสูบน้ำนั้น ๆ ซึ่งอาจจะบอกเป็นวัตต์(W)กิโลวัตต์(KW) หรือแรงม้า(HP) ตัวเลขดังกล่าวจะบอกใว้บน Name Plate บนตัวเรือนปั๊ม
เช่น เครื่องสูบน้ำมีแผ่นป้ายประจำมอเตอร์(Name Plate)บนตัวเครื่องระบุว่า
Q = 300-950 ลิตรต่อนาที
H = 12– 6 เมตร
อธิบายได้ว่า ถ้าเครื่องสูบน้ำส่งน้ำสูงที่ระยะไม่เกิน 6 เมตร จะได้ปริมาณน้ำ 950 ลิตรต่อนาที ส่งน้ำสูงที่ระยะ 12 เมตร จะได้น้ำเพียง 300 ลิตรต่อนาที ส่วนปริมาณน้ำที่ระยะสูงระหว่าง 6-12 เมตร จะบอกมาในคู่มือCurves เส้นโค้งแสดงสมรรถนะ(Performance Curves) การแจ้งข้อมูลดังกล่าวนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นเครื่องสูบน้ำที่ผลิตจากต่างประเทศ
ในการเลือก ปั๊มน้ำ เบื้องต้น ถ้าต้องการปริมาณน้ำมาก จะต้องเลือกเครื่องสูบน้ำที่บอกปริมาณน้ำ (Q) ที่มีค่ามากๆ แต่ถ้าต้องการส่งน้ำไปไกลมาก และส่งขึ้นที่สูงต้องเลือกเครื่องสูบน้ำที่บอกค่า H สูง ข้อควรรู้ที่ต้องทราบ ถ้าค่าของ Q มาก ค่าของ H จะต่ำ และถ้าค่า Q น้อย ค่าของ H ก็จะสูง
นอกจากดูอัตราการไหล(Q) และแรงดัน(H) แล้ว ยังมีส่วนอื่นที่ทราบด้วย ดังนี้
แรงม้า( HP) บางเครื่องจะบอกเป็น แรงม้า( HP)บางเครื่องบอกเป็นกำลังไฟเป็นวัตต์ (W) หรือกิโลวัตต์(KW) เช่น 1 แรงม้า เท่ากับ 746 วัตต์
ดูเทียบจากตาราง
หน่วย | ขนาดมอเตอร์มาตรฐาน | ||||||
กิโลวัตต์(KW)(แรงม้า HP) | 0.4(0.5) | 0.75( 1 ) | 1.1( 1.5) | 1.5( 2 ) | 2.2( 3 ) | 3( 4 ) | 3.7( 5 ) |
ความเร็วรอบเครื่อง(มอเตอร์) ในเครื่องสูบน้ำที่มีประสิทธิภาพและกำลังเท่ากัน ควรเลือกเครื่องรอบหมุนต่ำดีกว่า เพราะเครื่องที่มีรอบหมุนสูงจะสึกหรอและเสื่อมเร็ว รอบการหมุนของเครื่องจะบอกหน่วยเป็น รอบต่อนาที (RPM)
เครื่องสูบมาตรฐานจะบอกชั้นของฉนวน(Insulation class)และระดับการป้องกันฝุ่นละอองและน้ำ (IP) ชั้นของฉนวนกันความร้อน จะบอกถึงอุณหภูมิสูงสุดที่มอเตอร์จะทนได้ ดังตารางข้างล่างนี้
ชั้นของฉนวน(Class) | A | E | B | F |
อุณหภูมิสูงสุด(C) | 105 | 120 | 130 | 155 |
ส่วนระดับการป้องกันฝุ่นละอองและการป้องกันน้ำ จะบอกเป็นตัวอักษร IP(Protection Degree IP)ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก หลักแรกมี 6 ระดับ เริ่มจาก 0 – 5 บอกระดับที่เพิ่มขึ้นของการป้องกันวัสดุแปลกปลอมหรือบุคคลจากการสัมผัสกับไฟฟ้า หลักสองมี 9 ระดับ เริ่มจาก 0 – 8 บอกถึงระดับที่เพิ่มขึ้นในการป้องกันน้ำเข้ามอเตอร์ มอเตอร์ที่ผลิตขายทั่วไปจะมีระดับการป้องกันสูงสุดที่ IP 55 แต่สำหรับปั๊มสูบน้ำบ่อบาดาล(Multistage Centrifugal Pump) มีระดับการป้องกันถึง IP 58 ก็มี
ข้อมูลไฟฟ้า จะต้องดูว่าใช้ไฟ กี่โวลท์ (V) ใช้กระแสไฟกี่แอมแปร์(A) ใช้ไฟ 1 เฟตหรือไฟ 3 เฟส เพื่อเลือกเครื่องสูบที่ใช้ไฟฟ้าให้ตรงกับระบบไฟฟ้าของของสถานที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
จำหน่ายรถตัดหญ้า